5 เหตุผลที่ธุรกิจควรมีถังน้ำมันเชื้อเพลิง และระบบจัดการน้ำมันของตนเอง

ลดต้นทุน เพิ่มการควบคุมการใช้น้ำมัน ลดการทุจริต

หลายธุรกิจในช่วงนี้ต้องประสบปัญหากับค่าใช้จ่ายที่บานปลาย ยิ่งช่วงวิกฤตโควิด-19 ที่ผ่านมา บางบริษัทถึงขั้นต้องปิดกิจการไม่สามารถไปต่อได้ ข้อมูลจากเว็บไซร์กรมพัฒนาธุรกิจการค้า มีรายงานสถิติรายชื่อนิติบุคคลเลิกกิจการ ในปี 2564 ซึ่งผ่านไปเพียง 8 เดือน กว่า 7,300 บริษัทได้ปิดตัวลง ซึ่งก็ทำให้เห็นแล้วว่าเศรษฐกิจของเราไปในทิศทางไหน ในฐานะที่องค์กร บริษัทของคุณยังเปิดดำเนินการอยู่นั้น ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่คุณจะได้เรียนรู้และปรับตัวให้อยู่รอด และด้วยสาเหตุนี้ทำให้ธุรกิจหรือโรงงานของคุณต้องหันมาใส่ใจเรื่องการควบคุมต้นทุนและประหยัดค่าใช้จ่าย

แน่นอนว่าการประกอบธุรกิจภาคการขนส่ง คงหนีไม่พ้นการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงในการขับเคลื่อนธุรกิจ อาจรวมถึงธุรกิจที่จำเป็นต้องใช้น้ำมันเชื้อเพลิง วิธีการการลดต้นทุนและค่าใช้จ่าย โดยการมีน้ำมันน้ำมันไว้ใช้ภายในกิจการ และในปัจจุบันผู้ประกอบการก็เริ่มหันมาให้ความสนใจและมองหา โปรแกรมจัดการน้ำมัน หรือ ถังน้ำมัน สำรอง เพื่อควบคุมการใช้น้ำมันในองค์กร ลดต้นทุนน้ำมันเชื้อเพลิง และป้องกันการทุจริตที่อาจเกิดขึ้นได้

ก่อนอื่นคุณต้องศึกษาและทำความเข้าใจก่อนว่า ภาชนะที่จะใช้บรรจุน้ำมันเชื้อเพลิงมีแบบใดบ้าง และในแต่ละแบบนั้นจะช่วยคุณในเรื่องอะไรได้บ้าง ที่สำคัญสำรวจให้ดีว่าองค์กรของคุณมีหัวจ่ายน้ำมันหรือปั๊มดูดน้ำมันแบบไหน เมื่อคุณตัดสินใจซื้อถังน้ำมันสำรองแล้วจะได้ไม่ผิดพลาด

ถังน้ำมันเชื้อเพลิง มี 3 ประเภท คือ

  • ถังน้ำมันเชื้อเพลิง ทำด้วยพลาสติกหรือเหล็ก ความจุไม่เกิน 227 ลิตร
  • ถังน้ำมันเหล็ก ถังเก็บเชื้อเพลิง ทำด้วยเหล็ก ความจุเกินกว่า 227 ลิตร ขึ้นไป
  • ถังขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิง ทำด้วยเหล็ก อลูมิเนียมอัลลอยไม่จำกัดปริมาณ
 

ชนิดของน้ำมันเชื้อเพลิง

น้ำมันเชื้อเพลิง ที่ใช้ในการประกอบกิจการ แบ่งเป็น 3 ประเภท ดังนี้

  1. ชนิดไวไฟน้อย มีจุดวาบไฟตั้งแต่ 60 องศาเซลเซียส ขึ้นไป
    • น้ำมันดีเซล
    • น้ำมันเตา
    • น้ำมันหล่อลื่น
  2. ชนิดไวไฟปานกลาง มีจุดวาบไฟระหว่าง 37.8-60 องศาเซลเซียส
    • น้ำมันก๊าด
    • น้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับใช้ในยานพาหนะเครื่องบิน
  3. ชนิดไวไฟมาก มีจุดวาบไฟต่ำกว่า 37.8 องศาเซลเซียส
    • น้ำมันเบนซิน
    • น้ำมันปิโตรเลียมดิบ

และก่อนที่คุณจะตัดสินใจเลือกซื้อถังน้ำมัน หรือถังน้ำมันสำรองพร้อมระบบการจัดการน้ำมัน

อยากให้เช็คก่อนว่า 5 เหตุผลของการมีถังน้ำมันและระบบจัดการน้ำมันของตัวเองต่อไปนี้สามารถแก้ปัญหากับธุรกิจของคุณหรือไม่

  1. ระบบจัดการน้ำมันช่วยประหยัดต้นทุนการใช้น้ำมัน
    เพราะการขนส่งในยุคปัจจุบัน ต้องประหยัดและคุ้มค่าทุกการใช้จ่าย ยกตัวอย่างเช่น ปกติแล้วการซื้อเชื้อเพลิงจากสถานีบริการน้ำมันอยู่ที่ลิตรละ 27 บาท หากในหนึ่งเดือนคุณใช้น้ำมันเชื้อเพลิงไปทั้งหมด 10,000 ลิตร คิดเป็นเงิน 270,000 บาท แต่ถ้าหากคุณลงทุนติดตั้งระบบจัดการน้ำมัน และถังน้ำมันเหล็กสำรอง ต้นทุนน้ำมันของคุณ จะเหลือที่ลิตรละประมาณ 24 บาท โดยราคาจะถูกกว่าหน้าปั๊ม 3บาท คุณใช้ไปทั้งหมด 10,000 ลิตรเท่ากัน เท่ากับว่าต้นทุนของคุณจะลดไปทันที 30,000 บาท ซึ่งสามารถลดต้นทุนลงไปประมาณ 11% ซึ่ง 1ปีคุณจะสามารถลดต้นทุนได้ถึง 360,000บาท เรียกง่ายๆ ว่า ลงทุนครั้งเดียวคุ้มค่าจริงๆ เพียงเหตุผลข้อนี้ก็มากพอที่คุณจะสามารถตัดสินใจได้ทันที


  2. ระบบจัดการน้ำมันเพิ่มความปลอดภัยจากการทุจริต
    เพราะในระหว่างการเติมน้ำมันเชื้อเพลิงแต่ละครั้งอาจจะมีการทุจริตเกิดขึ้นได้ เช่น การกรอกใส่ภาชนะภายนอก แกลอนส่วนตัว โดยผู้เติมน้ำมันมีความไม่ซื่อสัตย์ในการเติมน้ำมัน ซึ่งคุณเองก็รู้อยู่ว่า ราคาน้ำมันราคาสูงมากขนาดไหน การจะยักยอกแอบน้ำน้ำมันไปขายย่อมมีแนวโน้มเป็นไปได้สูง ระบบจัดการน้ำมันจะช่วยลดและป้องกันการฉ้อโกงของพนักงานเติมน้ำมัน ป้องกันการขโมยน้ำมันออกไปขาย เมื่อคุณติดตั้งถังน้ำมันสำรองพร้อมการติดตั้งระบบจัดการน้ำมัน ตู้จ่ายน้ำมัน จะอนุญาติให้พนักกงานที่ได้รับอนุญาติในการเติมน้ำมันเท่านั้นถังจะสามารถเติมน้ำมันได้ ระบบจัดการน้ำมันจะทำการบันทึก รายละเอียดการใช้น้ำมัน โดยทราบว่าใครเป็นผู้เติมน้ำมัน เติมช่วงเวลาไหน เติมที่ไหน ปริมาณเท่าไหร่ ซึ่งจุดนี้เป็นข้อบ่งชี้อีกหนึ่งอย่างที่ดีที่คุณควรมีระบบจัดการน้ำมันไว้ใช้ภายในธุรกิจของคุณ


  3. ระบบจัดการน้ำมันช่วยลดระยะเวลาในตรวจสอบและรวบรวมข้อมูล
    เมื่อธุรกิจของคุณกำลังเดินหน้าไปได้ดี ปริมาณการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงก็ย่อมที่จะมากขึ้นตามไปด้วย ทำให้ธุรกิจของคุณต้องคำนวณต้นทุนและค่าใช้จ่ายของน้ำมันเชื้อเพลิง และจะดีกว่าไหมถ้าคุณติดตั้งระบบจัดการน้ำมัน เป็นตัวช่วยในการรวบรวมข้อมูลให้คุณได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ดังนั้นเหตุผลข้อนี้ก็ถือว่าเป็นเหตุผลหลักเช่นกันที่จะทำให้ธุรกิจของคุณสามารถรวบรวมข้อมูลได้ ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน ก็ยังสามารนำข้อมูลมาใช้ได้อย่างทันที ผ่านบนสมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ต ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย อีกทั้งยังไม่ต้องกังวลเรื่องการจัดเก็บข้อมูล โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากคุณมีปริมาณการใช้งานที่เพิ่มขึ้น พนักงานเพิ่มขึ้น ทำให้การรวบรวมข้อมูลนั้นยุ่งยากมากยิ่งขึ้น อีกทั้งการกรอกข้อมูลอีกมากมาย ซึ่งอาจทำให้เกิดข้อผิดพลาดได้อีกด้วย


  4. โปรแกรมจัดการน้ำมันวิเคราะห์พฤติกรรมการใช้น้ำมันด้วยการคำนวณอัตราสิ้นเปลืองของรถยนต์
    หลังจากที่คุณอ่านเหตุผลมาทั้ง 3 ข้อข้างต้นแล้วคุณอาจจะเริ่มมองหาผู้เชี่ยวชาญด้าน ระบบจัดการน้ำมัน หัวจ่ายน้ำมัน ปั๊มดูดน้ำมัน หรือถังน้ำมันเหล็ก แล้วใช่หรือไม่? การวิเคราะห์ความสิ้นเปลืองของเชื้อเพลิงที่ใช้ จึงเป็นอีก 1 เหตุผลที่ควรมีระบบจัดการน้ำมัน คิดว่าเป็นสิ่งที่ดีมากและเป็นอีก 1 ตัวช่วยที่จะมาเป็นตัวช่วยให้คุณสามารถทราบพฤติกรรมการใช้น้ำมันของพนักงาน ในด้านการขนส่งก็เหมือนกัน เพราะยานพาหนะที่คุณใช้ขนส่งนั้น จริงๆ แล้วเป็นช่องโหว่ที่ทำให้คุณเสียต้นทุนเพิ่มขึ้นดังนั้น คุณควรรีบอุดรอยรั่วนี้ซะก่อนต้นทุนจะบานปลายไปมากกว่านี้ จึงจำเป็นต้องมีถังน้ำมันเหล็กสำรอง หรือระบบการจัดการน้ำมัน แต่ยังมี ธุรกิจด้านโลจิสติกส์ ธุรกิจการเกษตร เครื่องจักรกลการเกษตร ธุรกิจก่อสร้าง ธุรกิจเหมืองแร่ และธุรกิจประมง ที่จำเป็นต้องมีเช่นกัน และถ้าคุณเริ่มควบคุมปริมาณต้นทุนไม่อยู่นี่คือ สัญญาณเตือนอย่างหนึ่งที่คุณต้องมีถังน้ำมันสำรอง


  5. โอกาสการขยายธุรกิจให้มั่นคงทั้งด้านการขนส่งและด้านบริการ
    ถ้าคุณอ่านมาถึงจุดนี้คุณก็น่าจะมองภาพกว้างไปถึงอนาคตได้แล้วใช่ไหมว่า เมื่อคุณมีระบบจัดการน้ำมัน หัวจ่ายน้ำมันและถังน้ำมันสำรอง คุณจะประหยัดต้นทุนขนาดไหนจากการวิเคราะห์การใช้เชื้อเพลิงอย่างสิ้นเปลือง การป้องกันการลักลอบขโมยน้ำมันออกไปขายของพนักงาน แถมยังช่วยลดระยะเวลาในกระบวนการผลิต ซึ่งในภายภาคหน้าหากมองข้ามอัตราเงินเฟ้อ การลงทุนติดตั้งระบบและถังน้ำมันสำรองครั้งนี้จะเป็นตัวเบิกทางที่ทำให้คุณได้มีโอกาสขยายการผลิตด้วยราคาต้นทุนการติดตั้งที่ไม่แพงมากนัก เมื่อตอนนี้มีวิฤกต มากมายแต่ธุรกิจของคุณยังดำเนินได้ต่อนั้นแสดงให้เห็นว่า ในอนาคตคุณอาจจะเป็นผู้นำในด้านการผลิตและขนส่ง


เหตุผลขอนี้สามารถบ่งบอกได้ว่าถ้าคุณมีการติดตั้งระบบจัดการน้ำมันพร้อมถังน้ำมันสำรอง ถือว่าเป็นหลักค้ำประกันความมั่นคงของการขนส่งภายใน หรือการดำเนินธุรกิจต่างๆ ที่คุณจำเป็นต้องใช้เชื้อเพลิงอีกด้วย แต่ก่อนที่คุณจะเริ่มลงมือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากผู้เชี่ยวชาญด้านระบบจัดการน้ำมันและถังน้ำมัน อีกหนึ่งอย่างที่อยากแนะนำให้คุณในฐานะเจ้าของกิจการได้เรียนรู้ก่อนเลือกติดตั้งถังน้ำมันสำรองคือ กฎหมายและใบอนุญาตประกอบกิจการสถานที่เก็บน้ำมัน

หลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข (ถ้ามี) ในการยื่นค้าขอ และในการพิจารณาอนุญาต

  • การพิจารณาออกใบอนุญาตประกอบกิจการ จะทําได้ต่อเมื่อผู้ขอรับใบอนุญาตได้ดําเนินการก่อสร้างสถานประกอบการแล้ว เสร็จถูกต้องตรง ตามข้อกำหนดกระทรวง มีผลการทดสอบและตรวจสอบถังเก็บน้ำมัน ระบบท่อน้ำมันและอุปกรณ์ ระบบไฟฟ้า และการป้องกันอันตรายจากฟ้าผ่า ระบบป้องกันและระงับอัคคีภัยครบถ้วนถูกต้องแล้ว
  • ต้องไม่ขัดต่อกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง เช่น กฎหมายการควบคุมอาคาร กฎหมายการผังเมือง กฎหมายส่งเสริมสภาพแวดล้อม เพราะเนื่องจากวัตถุดิบของคุณคือเชื้อเพลิง ซึ่งอาจส่งผลกระทบกับสภาพอากาศสิ่งแวดล้อมต่างๆ และด้วยจากกรณีศึกษาเหตุการณ์ไฟไหม้โรงงานไม่นานมานี้ จะทำให้คุณรอบคอบในเรื่องของโลเคชั่นของโรงงานการ ติดตั้งถังน้ำมันเหล็กให้ห่างจากชุมชน
  • การก่อสร้าง ผลการทดสอบและตรวจสอบด้านความปลอดภัย ต้องมีลักษณะเป็นไปตามกฎกระทรวงสถานที่ เก็บรักษาน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2551


เมื่อคุณทราบถึงเหตุผลข้อดีที่ควรติดตั้งระบบจัดการน้ำมัน หัวจ่ายน้ำมัน ปั๊มดูดน้ำมัน หรือถังน้ำมันเหล็ก ก่อนการติดตั้งอย่างน้อยคุณควรจะสอบถามข้อมูลกับผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านจริงๆ ซึ่งทาง พีดี เอ็นจิเนียริ่ง ของเราผู้นำด้านระบบจัดการน้ำมัน โปรแกรมจัดการน้ำมัน หัวจ่ายน้ำมัน ปั๊มดูดน้ำมัน ถังน้ำมันเหล็ก ครบวงจรสำหรับใช้ในกิจการและองค์กร ช่วยดูแล โดยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เทคโนโลยีทันสมัย แม่นยำโดยทีมวิศวกรมืออาชีพ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องลดต้นทุน เพิ่มการควบคุมการใช้น้ำมัน ลดการทุจริต ด้วยระบบจัดการน้ำมันครบวงจร สามารถศึกษาหาข้อมูลผ่านเว็บไซต์ หรืออยากปรึกษาก็สามารถทำผ่านหน้าเว็บไซต์ได้ทั้งหมด ทางพีดีจะมีทีมผู้เชี่ยวชาญคอยซัพพอร์ตคุณทุกครั้งที่ต้องการเรา

 

สนใจสอบถามรายละเอียดและราคาติดต่อ :
บจก.พีดีเอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ซัพพลาย
โทรศัพท์ : 065-5121818 (ฝ่ายขาย) หรือ 089-9966974 (สายด่วน)
Website : www.pdesupply.com
Email : peerapong.p@pdesupply.com
LINE : @pdengineering